ในขณะที่เรามีเวลาจำกัดในการทำงาน เราต้องรู้จักเลือกงานที่จะทำก่อน-หลัง เพื่อให้เวลาที่เรามีอยู่นั้นสามารถสร้างสรรค์ผลงาน หรือเอาต์พุตที่ให้ประโยชน์มากที่สุด ด้วยวิธีการ Pay Off Matrix จะช่วยให้เราสามารถจัดลำดับความสำคัญของงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดย หลักของ Pay Off Matrix นี้ จะแบ่งงานออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ งานที่ทำได้ง่ายได้ผลประโยชน์น้อย งานที่ทำได้ง่ายได้ผลประโยชน์มาก งานที่ทำได้ยากได้ผลประโยชน์น้อย และงานที่ทำได้ยากได้ผลประโยชน์มาก


  • งานที่ทำง่ายได้ผลประโยชน์น้อย (Quick-Win) เป็นงานที่สามารถทำได้ทันที โดยอาจทำให้ช่วงที่ว่าง เพราะว่าการเคลียร์งานประเภทนี้ไม่ต้องใช้เวลามากนัก และยังไม่กระทบต่องานอื่นอีกด้วย
  • งานที่ทำง่ายได้ผลประโยชน์มาก (Bonus-Opportunity) เป็นงานที่เราควรให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก เพราะให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า และทำให้เรามีโอกาสได้โบนัสก้อนโต
  • งานที่ทำยากได้ผลประโยชน์น้อย (Time-Waster) เป็นงานที่ไม่ควรทำ เพราะถึงแม้ทำไปก็เสียเวลาเปล่า ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนลงแรงเอาเสียเลย
  • งานที่ทำยากได้ผลประโยชน์มาก (Special-Effort) เป็นงานที่ท้าทายและน่าทำ แม้จะต้องใช้เวลา และความพยายามอย่างสูง แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ามากทีเดียว


ทีนี้ก็รู้แล้วนะคะว่า งานไหนควรทำ งานไหนไม่ควรทำ ซึ่งจะทำให้เราสามารถจัดการกับงานในมือได้อย่างเป็นระบบ สำหรับงานที่มีความสำคัญมาก ไม่ทำไม่ได้ มีข้อควรจดจำดังต่อไปนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในงานชิ้นสำคัญ

  1. จดลงในตารางเวลา เพื่อจะได้จัดสรรเวลาไว้เป็นลำดับต้นๆ
  2. ทำงานด้วยความรับผิดชอบ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
  3. เมื่อให้สัญญาใดๆ ต้องรักษาสิ่งที่ได้สัญญาไว้อย่างเหนียวแน่น เพื่อไม่ให้สูญเสียความน่าเชื่อถือไป


คนที่มีการวางแผนในการทำงานที่ดีจะไม่มีวันเป็นดินพอกหางหมู หรือเสียเหงื่อโดยปราศจากเอาต์พุต ไม่ว่างานไหนๆ ก็สามารถสะสางให้เสร็จเรียบร้อยได้ นี่แหละหนทางสู่ความสำเร็จในการทำงานของคนรุ่นใหม่



This entry was posted on 09:32 and is filed under . You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0 feed. You can leave a response, or trackback from your own site.

0 comments: